ข้อคิด 10 ประการ ต่อ เฟด กนง. และตลาดหุ้นไทย ณ กลาง ปี 2023

คณะกรรมการนโยบายการเงินของบ้านเราจะมีการประชุมนโยบายการเงินนัดสำคัญในต้นเดือนสิงหาคมหลังประชุมเฟดราวหนึ่งสัปดาห์ บทความนี้ จะขอแชร์ความเห็นว่ามีอะไรบ้าง ที่น่าจะสามารถเป็นข้อสรุปของท่าทีและมุมองจากเฟดและกนง.ต่อกลยุทธ์การลงทุนตลาดหุ้นไทย ณ ตรงนี้

476

สัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้เห็นตัวเลขเงินเฟ้อของบ้านเราลดลงมาต่ำกว่าเป้าหมายของแบงก์ชาติ ในขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเอกชนสหรัฐของ ADP ประจำเดือนมิถุนายน ปรากฎว่าเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าจากเดือนก่อน ในขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรฯสหรัฐ NFP ลดลง 50%ที่ +209K

โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินของบ้านเราจะมีการประชุมนโยบายการเงินนัดสำคัญในต้นเดือนสิงหาคมหลังประชุมเฟดราวหนึ่งสัปดาห์ บทความนี้ จะขอแชร์ความเห็นว่ามีอะไรบ้าง ที่น่าจะสามารถเป็นข้อสรุปของท่าทีและมุมองจากเฟดและกนง.ต่อกลยุทธ์การลงทุนตลาดหุ้นไทย ณ ตรงนี้

หนึ่ง อาจจะต้องเลิกหวังว่าเฟดจะผ่อนการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้: หลังจากการประชุมเฟดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จะมีการประชุมเฟดเหลืออีก 4 ครั้ง มีแนวโน้มว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1-3 ครั้งในปีนี้ และน่าจะขึ้นอีกทั้งหมดประมาณร้อยละ 0.25-0.75

ดังนั้น หากใครที่หวังว่าเฟดจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยในตอนนี้ ก็อาจต้องเลิกความคิดนี้ไปเสียก่อน นอกจากนี้ หากใครคิดว่าเฟดจะกลับทิศมาลดดอกเบี้ยในช่วงปีนี้ ก็อาจต้องลดความหวังดังกล่าวลงให้เหลือน้อยลงเข้าไว้

สอง เหมือนต้องทำใจว่าอาจจะต้องเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐสำหรับช่วงต่อจากนี้ในที่สุด: จากตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐที่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้น่าจะประเมินได้ว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐยังไม่สามารถลดลงได้อย่างรวดเร็วในตอนนี้

ดังนั้น การที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีกสักพักใหญ่เพียงอย่างเดียว น่าจะไม่เพียงพอที่จะกดเงินเฟ้อให้ลดลงกลับมาที่ร้อยละ 2

ฉะนั้น อาจมีความจำเป็นที่เฟดต้องไม่ยั้งมือในการขึ้นดอกเบี้ยแม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงมาจนใกล้จะเกิดหรือว่าเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยจริงๆ จึงจะเพียงพอที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงมาที่ร้อยละ 2 ตามเป้าหมายได้

สาม อัตราการว่างงานสหรัฐน่าจะไม่กลับไปสูงถึงร้อยละ 5 ค่อนข้างแน่ในรอบนี้: แม้การที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยไปอีกค่อนข้างเยอะจนกระทั่งอาจเกิดหรือเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ สิ่งหนึ่ง ที่ถือว่าเป็นผลกระทบแบบเลี่ยงไม่ได้ คือแม้ว่าอัตราการว่างงานจะสูงขึ้น ทว่าน่าจะสูงไม่ถึงร้อยละ 5 อย่างที่เคยคาดการณ์กันสำหรับรอบนี้ เนื่องจากตลาดแรงงานและตลาดภาคบริการสหรัฐแตกต่างไปจากช่วงก่อนโควิดไปพอสมควรแล้ว

สี่  เจย์ พาวเวล ประธานเฟด ที่กำลังสวมบทบาทพอล โวลก์เกอร์ อดีตประธานเฟดในยุค 80s ในการต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อสหรัฐที่ถือว่าสูงมากในประวัติศาสตร์

สำหรับวัฏจักรเศรษฐกิจในรอบนี้ โดยพาวเวลพูดชื่นชมความกล้าหาญในการต่อสู้กับเงินเฟ้อของโวลก์เกอร์ มาโดยตลอด เราจึงมีความเชื่อมั่นว่าพาวเวลจะทำหน้าที่ต่อสู้กับเงินเฟ้อต่อไปในรอบนี้

ห้า อัตราเงินเฟ้อของบ้านเราที่ลดลงมาอย่างรวดเร็ว ส่วนหลักมาจากการลดลงของราคาพลังงานในขณะนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จึงทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงมาอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี ในส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ถือว่ายังลดลงมาแค่ในระดับปานกลาง ซึ่งยังคงต้องจับตาดูแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อในอนาคตต่อไป

หก สำหรับมุมมองของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เรามองว่า กนง. น่าจะขึ้นดอกเบี้ยต่ออีกราว 2 ครั้ง จากระดับร้อยละ 2 ในปัจจุบัน ซึ่งจะเห็นได้ว่ากนง.บ้านเราเริ่มต้นขึ้นดอกเบี้ยช้ากว่าประเทศตลาดเกิดใหม่อื่นๆในรอบนี้ จึงทำให้ต้องขึ้นดอกเบี้ยต่อในช่วงที่แบงก์ชาติอื่นๆเริ่มหยุดขึ้นดอกเบี้ยแล้ว นอกจากนี้ แบงก์ชาติได้ย้ำเสมอว่าต้องการเห็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง หรือ อัตราดอกเบี้ยนโยบายหักด้วยอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าศูนย์

เจ็ด เศรษฐกิจไทย ณ ตรงจุดนี้ ถือว่ากำลังอยู่ในจุดที่ได้รับการ trade-off ระหว่าง 2 แรง คือ แรงบวกจากการท่องเที่ยวและภาคการบริโภคของคนที่มีรายได้ปานกลางถึงสูงที่อั้นมาจากช่วงโควิด ในขณะที่แรงลบมาจากการส่งออกที่ชะลอตัวลงจากสภาพเศรษฐกิจของตลาดในประเทศที่พัฒนาแล้ว และความล่าช้าของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งเหมือนว่าแรงลบกำลังจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ณ ตรงจุดนี้

แปด  ดัชนีตลาดหุ้นไทยในตอนนี้ยังไม่น่าจะไม่ได้แตะระดับต่ำที่สุด ณ ตรงจุดนี้ หากพิจารณาค่า P/E ณ ตรงนี้ ซึ่งอยู่ในระดับประมาณเกือบ 16 เท่า ประกอบกับภาพกำไรสุทธิของบริษัททั้งหมดในตลาดหุ้นไทยซึ่งผลสำรวจส่วนใหญ่มีมุมมองที่ค่อนข้างไม่สดใส คงยากที่จะปฏิเสธว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ ตรงจุดนี้ น่าจะยังไม่ได้แตะระดับต่ำที่สุดของรอบนี้

เก้า ถ้าคิดว่าจะลงทุนในระยะยาวๆ ในความเห็นส่วนตัว มีมุมมองว่าน่าจะรอความชัดเจนของการเมืองไทยอีกสักเล็กน้อย โดยอาจจะค่อยๆทยอยสะสมซื้อหุ้นไทยในช่วงนี้ไปก่อน โดยคิดว่าน่าจะดีกว่าทุ่มซื้อแบบหมดน่าตักในช่วงเวลานี้

สิบ ควรอาจจะต้องห่างๆ หุ้นกลุ่ม Global Play Stock หรือ หุ้นที่พึ่งพาอุปสงค์ของเศรษฐกิจโลกไปก่อนในตอนนี้: ด้วยการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่ยังมีอยู่ต่อไป จึงมีความเป็นไปได้ว่าอุปสงค์ของประเทศพัฒนาแล้วจะยังแผ่วลง ณ ตรงนี้ จึงน่าจะไม่ใช่อยู่ในระดับจุดเหมาะสมที่สุดในการลงทุนหุ้นกลุ่มดังกล่าวในช่วงนี้

ดร.บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ

Comments