4 หุ้นสหรัฐ แห่งความทรงจำ

มีผลิตภัณฑ์และบริการอยู่ 4 ชิ้นที่ผมได้มีโอกาสสัมผัสใน 3 วันแรกของการไปศึกษาต่อที่เมืองฟิลาเดลเฟีย สหรัฐ โดยทั้งสี่ผลิตภัณฑ์ ยังเป็นหุ้นสหรัฐที่มีการซื้อขายในตอนนั้นจนกระทั่งมาถึงทุกวันนี้

638

หากย้อนไปกว่า 20 ปีที่แล้ว ผมมีโอกาสได้ไปศึกษาที่สหรัฐ ผมจำได้ว่ามีผลิตภัณฑ์และบริการอยู่ 4 ชิ้นที่ผมได้มีโอกาสสัมผัสใน 3 วันแรกของการไปศึกษาต่อที่เมืองฟิลาเดลเฟีย สหรัฐ โดยทั้งสี่ผลิตภัณฑ์ ยังเป็นหุ้นสหรัฐที่มีการซื้อขายในตอนนั้นจนกระทั่งมาถึงทุกวันนี้ และได้กลายเป็นหุ้นสหรัฐในความทรงจำของผมในสมัยเรียนที่โน่น ดังนี้

ขอเริ่มจากความสนใจส่วนตัวของผมในช่วงวัยเรียน นอกจากฟุตบอล แล้วก็เห็นจะเป็น Personal Finance โดยผมเล็งตั้งแต่ก่อนไปเรียนที่สหรัฐ ว่าจะไปใช้โปรแกรม Quicken ที่จัดการด้านการเงินส่วนบุคคลได้ดีเลิศ โดยแม้แต่โปรแกรม Microsoft Money ที่ตอนนั้น Microsoft Windows ถือว่ายิ่งใหญ่มาก ยังทำด้านการจัดการด้านการเงินได้ไม่ดีเท่า Quicken หากถามผมว่าทำไมถึงดูใช้งานดีกว่า ผมมองว่า Quicken เข้าใจความต้องการของคนที่สนใจ Personal Finance ได้ดีกว่า Microsoft Money และดูใช้ง่ายกว่ามาก ผลิตโดยบริษัทที่ชื่อว่า Intuit ซึ่งหุ้น Intuit ก็ยังคงเป็นหุ้นที่ซื้อขายกันอยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐจากวันนั้นถึงวันนี้

โดย Intuit เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ระดับชั้นนำด้านการบัญชีสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ภายใต้โปรแกรมที่โด่งดังมากว่า 30 ปีที่ชื่อว่า QuickBooks และโปรแกรมการเตรียมภาษีส่วนบุคคลชื่อดังที่ชื่อ TurboTax โดยช่วยให้ผู้บริโภคและธุรกิจขนาดเล็กมีความมั่งคั่งมากขึ้นผ่านบริการด้านการจัดการการเงินต่างๆ  ทั้งนี้ Intuit  สร้างรายได้จาก 3 เซกเมนต์ ได้แก่ ธุรกิจขนาดเล็กและ Self-employed รวมถึงผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ประมาณ 50% ของรายได้รวม ประกอบด้วย QuickBooks ที่ช่วยบริหารการเงินส่วนบุคคล ธุรกิจ Consumer ราว 35% ของรายได้รวม ประกอบด้วย TurboTax ในการช่วยบริหารภาษีส่วนบุคคล และธุรกิจ Credit Karma ที่ 10% ของรายได้รวม ได้แก่ Platform ให้คำแนะนำด้านการเงินส่วนบุคคล 

ต้องบอกว่าโปรแกรมต่างๆของ Intuit ก็ยังได้รับความนิยมในสหรัฐอยู่จนถึงในปัจจุบัน โดยบริษัทที่ออกแนว Niche แบบนี้ ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้จนถึงวันนี้ ก็น่าจะถือว่าน่าพิศวงในระดับหนึ่ง

ครั้นเดินทางมาถึงเมืองฟิลลี่ สิ่งแรกที่ผมเจอในหอพักคือตู้เครื่องกดน้ำขวดและน้ำอัดลมที่ใช้เหรียญดอลลาร์หยอดซื้อ โดยผมตัดสินใจกดซื้อน้ำขวดที่เป็นชาผลไม้ยี่ห้อ Snapple แล้วจากนั้น ก็เป็นเครื่องดื่มที่ผมกินบ่อยที่สุดในสมัยเรียน โดยในปัจจุบัน Snapple ถูกซื้อไปโดยบริษัท Keurig Dr Pepper ซึ่งหุ้นในตลาดสหรัฐของบริษัทนี้ชื่อ KDP ซึ่งเป็นหุ้นที่เทรดกันจนถึงทุกวันนี้ โดยเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องชงกาแฟคุณภาพดีของสหรัฐ และเครื่องดื่มซอฟต์ดริ้งค์ Dr Pepper รวมถึง Canada Dry, A&W และ Snapple รวมถึงน้ำส้ม Sunkist โดยมีร้านค้าปลีกในสหรัฐ แคนาดา และเม็กซิโก รายได้ส่วนหลักมาจากในสหรัฐ มี 3 หน่วยธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มเครื่องดื่มบรรจุสำเร็จรูป ราว 45% ของยอดขายรวม โดยมีแบรนด์อาทิ 7UP  และ Schweppes กลุ่มระบบการชงกาแฟ ประมาณ 35% ของรายได้รวม ได้แก่ K-Cup Pod ในสหรัฐและแคนาดา และ กลุ่มเครื่องดื่มแบบเข้มข้นหรือ Syrup ที่ 10% ของรายได้รวม 

ผมคิดว่าหลายคนน่าจะได้ดื่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบางยี่ห้อของ KDP ก็คงต้องบอกว่าความใหญ่โตของ KDP เทียบชั้นกับ Coca-Cola หรือ PepsiCo ไม่ได้ แต่ด้วย Snapple ที่เป็นความทรงจำในหอพัก ณ เมืองฟิลลี่ในวันนั้นของผม ทำให้ผมแอบเชียร์อยู่ในใจ

มาถึงวันสุดสัปดาห์แรกที่สหรัฐในตอนนั้น รุ่นพี่ได้ชักชวนไปร้านที่ขายอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ที่ชื่อ Home Depot ปรากฎว่าไปครั้งแรกรู้สึกว่าใหญ่โตดี จริงๆใน Mall แถบนั้น ยังมีร้านขายของใช้อย่าง Target หรือร้านขาย Gadget อิเล็คทรอนิคส์อย่าง Best Buy แต่ผมก็ยังติดใจความใหญ่โตของ Home Depot ซึ่งเป็นหุ้นที่เทรดกันจนถึงทุกวันนี้

โดย Home Depot เป็นหนึ่งใน Retailer ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ทำธุรกิจในร้านค้า 2,320 แห่งทั้งในทวีปอเมริกาเหนือและผ่าน E-commerce กับ App โดยเจาะตลาด do-it-yourself (DIY) มีสินค้าให้เลือกสรร 4 หมื่นประเภท โดยตลาดสหรัฐคิดเป็น 90% ของยอดขายทั้งหมด โดยแบ่งเป็น กลุ่ม Building-Materials ทำรายได้กว่า 35% ของยอดขายรวม ประกอบด้วย อุปกรณ์ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ที่ทำจากไม้  กลุ่ม Décor สร้างรายได้ 35% ของยอดขายรวม  ประกอบด้วยอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน พื้น ครัวและห้องน้ำ และ Hardlines ทำรายได้ราว 30% ของยอดขาย  ประกอบด้วยเครื่องมือฮาร์ดแวร์

โดยธุรกิจของ Home Depot ล้าหลังคู่แข่งมาพักใหญ่ จนเมื่อ 7-8 ปีก่อน มีการพัฒนา Application และกระบวนการด้าน IT ของบริษัท จนการขายสินค้าบน Online ทำได้ดี จนมียอดขายเติบโตสูงมาก จนกระทั่งกลับมาเป็นบริษัทที่หลายคนจับตากันอีกครั้ง

ขอตบท้ายด้วย FedEx บริษัทจัดส่งพัสดุและสินค้าอื่นๆระดับชั้นนำของสหรัฐ โดยหุ้นแนวขนส่งที่เป็นคู่แข่งของ FedEx คือ UPS ซึ่งผมชื่นชมมาจากการเป็นแฟนหนังสือของทอม ปีเตอร์ส เจ้าของผลงาน In Search of Excellence ซึ่งเขาเป็นที่ปรึกษาให้บริษัทนี้

FedEx ดำเนินธุรกิจผ่าน subsidiaries โดย FedEx Express ที่ทำรายได้รวมราว 50% ของทั้งหมดให้บริการด้านการขนส่งแบบ express ได้ถึงกว่า 220 ประเทศ โดยมีเครือข่ายการขนส่งเป็นเครื่องบิน 700 ลำ และยานยนต์กว่า 8.2 หมื่นคัน นอกจากบริการแบบ Express แล้ว ยังมี FedEx Ground ซึ่งสร้างรายได้กว่า 35% ของรายได้รวมให้บริการจัดส่งของชิ้นเล็กๆในอเมริกาเหนือ รวมถึงบริการรถบรรทุกขนส่ง ผ่าน FedEx Freight ที่สร้าง 10% ของรายได้รวม  บริการการขนส่งสินค้าชิ้นที่ใหญ่ขึ้นในอเมริกาเหนือและต้องการความเร็วในการจัดส่ง 

โดยระบบ subsidiaries ของ FedEx นี้ ล่าสุดได้กลายเป็นจุดที่ผู้บริหารมองว่าอาจจะไม่ได้ใช้ Economies of Scale ของทรัพยากรได้ดีมากนัก เลยมีดำริว่าจะปรับมาเป็นระบบ Center รวมกันจะดีกว่า

โดยผมไม่ได้มีความมุ่งหมายแนะนำหุ้นทั้งสี่ในการซื้อขายแต่อย่างใด ทว่าผมเพียงจะแนะนำหุ้นในความทรงจำของผมทั้งสี่ตัวนี้ว่า ตั้งแต่ผมได้ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการเป็นครั้งแรกเมื่อกว่า 20 ปีก่อน ก็ยังเป็นหุ้นสหรัฐที่ยังคงเทรดกันอยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐมาจนถึงทุกวันนี้ครับ

ดร. บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ

Comments