คำถามของภาพตลาดสหรัฐ ก่อนสิ้นปี 2021

บทความนี้จะนำผลการทำโพลจากผู้ที่ทำงานด้านการให้บริการด้านเงิน จากบริษัทดาวน์โจนส์ ที่เพิ่งทำการสำรวจไว้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เกี่ยวกับภาพรวมของตลาดในอเมริกา ก่อนสิ้นปี 2021

2552

สัปดาห์นี้ ขอนำผลการทำโพลจากผู้ที่ทำงานด้านการให้บริการด้านเงิน จากบริษัทดาวน์โจนส์ ที่เพิ่งทำการสำรวจไว้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เกี่ยวกับภาพรวมของตลาดในอเมริกา จากคำถามต่างๆ ดังต่อไปนี้

  1. มุมมองต่อตลาดหุ้นอเมริกา ยังสดใสหรือไม่?

คำตอบคือสดใสน้อยลง ครึ่งหนึ่งของผู้กรอกแบบฟอร์มจากผลสำรวจ พบว่า ผู้ที่มองว่าตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้น ลดลงจากการสำรวจเมื่อตอนกลางปีนี้ ซึ่งกว่าสองในสามมองแบบนั้น ในขณะที่ร้อยละ 38 มองตลาดแบบกลางๆ เพิ่มจากร้อยละ 26 เมื่อ 6 เดือนก่อน ส่วนผู้ที่มองว่าตลาดจะแย่ลงเพิ่มเป็นร้อยละ 12 จากร้อยละ 7 โดยส่วนใหญ่ประเมินปัจจัยอัตราเงินเฟ้อและความเสี่ยงการติดเชื้อโควิดเดลต้าเป็นปัจจัยลบ

  1. ตลาดหุ้นอเมริกาแพงไปหรือยัง?

คำตอบคือ ร้อยละ 40  ของผู้ตอบแบบสำรวจ มองว่าตลาดหุ้นอเมริกาแพงเกินไป โดยร้อยละ 40 ของผู้ที่มองว่าแพงไป คิดว่าแพงไปร้อยละ 6-10 ในขณะที่อีกร้อยละ 35 ของผู้ที่มองว่าแพงไป คิดว่าแพงไปมากกว่าร้อยละ 15

โดยมีผู้ที่มองว่าตลาดหุ้นสหรัฐยังถูกอยู่ราวร้อยละ 10 จากผู้ถูกสำรวจทั้งหมด ซึ่งกลุ่มนี้ คาดดัชนีดาวน์โจนส์ จะขึ้นไปอีกร้อยละ 6 หรือที่ 37,000 จุด ณ กลางปี 2022 และดัชนี S&P500 จะไปแตะที่ 4,812 จุด หรือขึ้นไปอีกร้อยละ 8 ณ กลางปี 2022 ด้านดัชนีนาสแด็คส์ น่าจะขึ้นไปอีกร้อยละ 10  ณ กลางปี 2022 แม้ว่าผู้ถูกสำรวจครึ่งหนึ่งของทั้งหมด มองว่าตลาดหุ้นสหรัฐแพงเกินไปมากกว่าร้อยละ 10

  1. มองตลาดหุ้นสหรัฐ เป็นตลาดกระทิง ตลาดหมี หรือ กลางๆ?

คำตอบคือกว่าสองในสามของทั้งหมด มองตลาดนี้ว่ากลางๆ โดยจำนวนผู้มองว่าเป็นตลาดกระทิงกับตลาดหมีมีอยู่ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน

  1. มองดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐแพงเกินไปมากไหม?

คำตอบ คือกว่าร้อยละ 80 ของทั้งหมด มองว่าแพงไปราวร้อยละ 10 ในขณะที่ มีไม่ถึงร้อยละ 10 ของทั้งหมด ที่มองว่าแพงไปมากกว่าร้อยละ 20

  1. ปัจจัยใด จะเป็นความเสี่ยงสูงสุดสำหรับตลาดหุ้นสหรัฐ ในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า?

คำตอบ คือกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจกังวลความผิดพลาดของ นโยบายการเงินสหรัฐที่จะส่งผลเชิงลบต่ออัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐและการดำเนินไปของอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงผลข้างเคียงจากการชะลอลงสำหรับนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE Tapering ของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด โดยส่วนใหญ่ประเมินว่าเฟดจะเริ่มต้น QE Tapering ก่อนสิ้นปี 2021 และขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2022

  1. อัตราผลตอบแทนของตลาดหุ้นสหรัฐในทศวรรษถัดไป จะมีค่าเฉลี่ยปีละเท่าไหร่?

คำตอบ คือ ประมาณร้อยละ 70 ของผู้ตอบแบบสำรวจ มองไว้ที่ร้อยละ 7-8 สำหรับอัตราผลตอบแทนของตลาดหุ้นสหรัฐในทศวรรษถัดไป

  1. ชั้นสินทรัพย์ใดและตลาดแห่งไหนที่ดูน่าสนใจ หากพิจารณาจากวันนี้?

คำตอบ คือ เกินครึ่งหนึ่งของผู้โหวตทั้งหมด มองว่าหุ้นน่าสนใจที่สุด ตามมาห่างๆด้วยทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์ โดยที่กว่าครึ่งหนึ่งมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐน่าสนใจที่สุด ตามด้วยตลาดเกิดใหม่ ยุโรป จีนและญี่ปุ่น ตามลำดับ

  1. ตลาดหุ้นสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ ขนาดกลางหรือขนาดเล็ก รวมถึงหุ้นแนวเติบโตหรือหุ้นแนวคุณค่า น่าสนใจมากกว่ากัน?

คำตอบ คือ ส่วนใหญ่จะชอบหุ้นตัวใหญ่และตัวเล็ก มากกว่าหุ้นขนาดกลาง ในขณะที่หุ้นแนวเติบโตได้รับความนิยมน้อยกว่าหุ้นแนวคุณค่าอยู่เล็กน้อย สำหรับในช่วงนี้ เนื่องจากส่วนใหญ่ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐที่สูงขึ้นจะส่งผลเชิงลบ ต่อหุ้นแนวเติบโตมากกว่า

  1. คาดการณ์ราคาน้ำมัน ทองคำและบิตคอยน์ ในช่วงกลางปีหน้า ไว้ที่เท่าไหร่ รวมถึงแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นหรืออ่อนค่าลง?

คำตอบ คือ ราคาน้ำมันที่ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทองคำที่ 1,836 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ บิตคอยน์ที่ 42,326 ดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่ ยังมองว่าค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นมากกว่าที่จะอ่อนค่าลง

  1. ให้บอกรายชื่อหุ้นและอีทีเอฟที่ดูน่าสนใจในสหรัฐและยุโรป ในปี 2022?

คำตอบ คือ หุ้นที่ดูน่าสนใจในสหรัฐ ได้แก่ Skyworks Solutions และ Qorvo ที่เป็นผู้ป้อนส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ไอโฟนของแอปเปิ้ล ส่วนหุ้นที่ดูน่าสนใจในยุโรป ได้แก่ หุ้น Legal & General Group ซึ่งเป็นบริษัทประกันของอังกฤษ และ หุ้น Teleperformance ซึ่งทำธุรกิจคอลเซนเตอร์ทั่วโลกของฝรั่งเศส นอกจากนี้ ยังมี ishares Semiconductor ETF (SOXX) ซึ่งถือครองหุ้น 30 บริษัทที่ทำธุรกิจด้านการผลิตชิพคอมพิวเตอร์ รวมถึงออกแบบและให้บริการเกี่ยวกับชิพคอมพิวเตอร์

ดร. บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ

 

 

Comments